วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สมุนไพร

ชื่อทั่วไป : ว่านหางจระเข้
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Aloe barbadensis Mill.
วงศ์ : Liliaceae
ลักษณะของพืช : ไม่มีข้อมูล
การปลูก : ว่านหางจระเข้ปลูกง่าย โดยการใช้หน่ออ่อน ปลูกได้ดีในบริเวณทะเลที่เป็นดินทราย และมีปุ๋ยอุดมสมบูรณ์ดี จะปลูกเอาไว้ในกระถางก็ได้ ในแปลงปลูกก็ได้ ปลูกห่างกันสัก 1-2 ศอก เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก แต่ต้องมีการระบายน้ำดีพอ มิฉะนั้นจะทำให้รากเน่าและตาย ว่านหางจระเข้ชอบแดดเรไร ถ้าถูกแดดจัดใบจะเป็นสีน้ำตาลแดง
ส่วนที่ใชัเป็นยา : วุ้นจากใบ
ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา : เก็บในช่วงอายุ 1 ปี
รสและสรรพคุณยาไทย : รสจืดเย็น โบราณใช้ทาปูนแดงปิดขมับใช้แก้ปวดศีรษะได้
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ : วุ้นในใบว่านหางจระเข้มีสารเคมีอยู่หลายชนิด เช่น Aloe-cmidin, Aloesin, Aloin, สารประเภท glycoprotein และอื่นๆ ยางที่อยู่ในว่านหางจระเข้มีสาร anthraquinone ทีมีฤทธิ์ขับถ่ายด้วย ใช้ทำเป็นยาดำ มีการศึกษาวิจัยรายงานว่า วุ้นหรือน้ำเมือกของว่านหางจระเข้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลเรื้อรัง และแผลในกระเพาะอาหารได้ดี เพราะวุ้นใบมีสรรพคุณรักษาแผลต่อต้านเชื้อแบคทีเรียช่วยสมานแผลได้ด้วย
และยังนำมาพัฒนารูปแบบเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปทั้งทางด้านยาและเครื่องสำอางค์ แชมพูสระผม อีกด้วย

ไม้มงคล

ชื่อวิทยาศาสตร์: Guaiacum officinale L.
ชื่อสามัญ: Ligmum Vitae
ลักษณะ :

ไม้ต้น สูง 10-15 ม. เปลือกต้นสีเทาเข้ม กิ่งมีข้อพองเห็นเป็นปุ่มๆ ทั่วไป ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ มีใบย่อย 2-3 คู่ เรียงตรงข้าม ใบย่อยไม่มีก้าน รูปไข่กลับ รูปไข่กว้าง หรือรูปรีเบี้ยวเล็กน้อย ปลายมน โคนสอบ ขอบเรียบ มีจุดสีส้มที่โคนใบย่อยด้านบน ดอกเดี่ยว ออกเป็นกระจุกที่ยอด 3-4 ดอก สีฟ้าอมม่วงและจะซีดลงเมื่อใกล้โรย กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปไข่ โคนติดกันเล็กน้อย ร่วงง่าย กลีบดอก 5 กลีบ รูปรีหรือรูปไข่ เกสรเพศผู้ 10 อัน แยกกัน เกสรเพศเมียปลายแยกเป็น 5 แฉก ผลแห้งแตก รูปหัวใจกลับ มีครีบ 2 ข้าง สีเหลืองหรือสีส้ม มี 1-2 เมล็ด เมล็ดรูปรี สีน้ำตาล

ประโยชน์ :

นำมาปลูกในประเทศไทยเป็นไม้ประดับ แก่นไม้สีน้ำตาลถึงดำ แข็งมาก เป็นมัน และหนักมาก ทนต่อแรงอัดและน้ำเค็ม จึงนิยมนำมาใช้ทำกรอบประกับเพลาเรือเดินทะเล หรือกรอบประกับเพลาเครื่องจักรในโรงงานต่างๆ ทำรอก ด้ามสิ่ว และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องการความแข็งแรงมากๆ ยางไม้ใช้เป็นยาขับเสมหะ ยาระบาย ขับเหงื่อ แก้ข้ออักเสบ ใช้ร่วมในยาฟอกเลือด ทำเป็นยาอมแก้ต่อมทอนซิลและหลอดลมอักเสบ ละลายในเหล้ารัมและเติมน้ำเล็กน้อยใช้อมกลั้วคอแก้เจ็บคอ กินแก้ปวดท้อง และใช้ใส่แผล น้ำคั้นจากใบกินแก้อาการท้องเฟ้อ เปลือกและดอกเป็นยาระบาย ยาชงจากดอกเป็นยาบำรุงกำลัง
ฤดูกาลออกดอก
ออกดอกในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน และเดือนสิงหาคม-ตุลาตคม
สภาพการปลูก
แก้วเจ้าจอมชอบอยู่กลางแจ้ง เป็นไม้กลางแจ้ง เติบโตได้ดีในดินร่วนระบายน้ำได้ดี
การขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดหรือปักชำและ ตอนกิ่ง
การปลูกและดูแลรักษา
ปลูกเป็นไม้กระถางก็ได้หรีอปลูกลงดินก็ได้ วัสดุที่ใช้ปลูก คือ ดินก้ามปู : ปุ๋ยคอกอัตราส่วน 1:2:1

สลัดผักเพื่อสุขภาพ

การปรุงสลัดผักให้อร่อยขึ้นอยู่กับ 2 ส่วน คือ การเลือกชนิดผักสดต่างๆ ที่เข้ากันได้ ซึ่งไม่ควรเลือกผักที่ใบหนาหรือกลิ่นรสฉุน เกินไป ส่วนที่สองสำคัญไม่ยิ่งหย่อนคือ น้ำสลัด ฉบับนี้เรามีสูตรใหม่ๆ มานำเสนอชวนให้คุณทำชิมลิ้มลองดู รับรองอร่อยค่ะ


ส่วนผสม

ผงมัสตาร์ด 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำส้มสายชู 8 ช้อนโต๊ะ

ไข่ 4 ฟอง

น้ำผึ้ง 160 มล.

ช็อกโกแลตขาว 60 กรัม

เกลือและพริกไทยดำตามชอบ

ผักสดต่างๆ ตามชอบ

วิธีทำ

-ผสมผงมัสตาร์ดและน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ข้ามคืนในตู้เย็น
-ใส่น้ำในหม้อนิดหน่อย ตั้งไฟเบา แล้วนำไข่และมัสตาร์ดใส่ชามสแตนเลสไปตั้งบนหม้อ
-ตีไปเรื่อยๆ จนไข่สุกแล้วใส่น้ำผึ้งและน้ำส้มสายชูที่เหลือ คนให้เข้ากัน
-จากนั้นยกลงจากเตาทิ้งไว้ให้พออุ่น ใส่ช็อกโกแลตขาว คนให้ละลายเข้กัน แล้วปรุงด้วยเกลือ พริกไทยตามชอบ